เด็กกับจินตนาการ
โลกปัจจุบันนี้กำลังหมุนด้วยความเร็วที่สูงขึ้นสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่างรอบๆตัวเราเกิดขึ้นตลอดเวลา ทั้งมากและเร็วเสียจนเราไม่รู้ตัวว่ามีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง
การเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นอาจเกิดขึ้นโดยบังเอิญ หรืออาจจงใจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
แต่ที่สุดแล้วผมเชื่อว่าส่วนใหญ่ของการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นเกิดขึ้นอย่างตั้งใจ
ไม่ว่าจะด้วยแรงจูงใจอะไรก็แล้วแต่ การเปลี่ยนแปลงอย่างจงใจเหล่านั้น
จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลยโดยปราศจากการคิดการวางแผนการตระเตรียมไว้ก่อนแล้วล่วงหน้า
ซึ่งจุดเริ่มต้นแรกสุดต้องเริ่มที่จินตนาการก่อนเป็นอันดับแรกเสมอ
คำว่าจินตนาการสำหรับคนในวัยผู้ใหญ่
วัยทำงาน เป็นสิ่งที่ยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน ที่จะคิดจะสร้าง จะหามันออกมาได้
น่าจะเป็นเพราะจินตนาการของผู้ใหญ่ มักมีกรอบความคิดอะไรบางอย่างมาปิดกลั้นไว้เสมอ
ข้อจำกัดต่างๆมากมายเกิดขึ้นมาจากประสบการณ์ การผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ
ทำอะไรต่ออะไรมามาก มีโอกาสได้ไปรู้ไปเห็นโน่นนี่นั่นมากกมาย หลายครั้งก็เอามาเป็นข้อมูลทางเลือก
แต่หลายครั้งมันก็กลายมาเป็นข้อจำกัด ซึ่งแตกต่างจากวิธีคิดของเด็ก
ตัวอย่างของค่ายรถยนต์รายใหญ่จากญี่ปุ่นอย่างนิสสัน (Nissan) ที่ได้เปิดเผยภาพรถยนต์ต้นแบบรุ่นล่าสุด
ที่ดูเหนือจินตนาการแบบสุด ๆ เพราะมันมาจากความคิดและจินตนาการอันสดใสของเด็กๆ
ชาวบราซิล บริษัทนิสสันในบราซิลได้จัดประกวดวาดภาพรถยนต์ต้นแบบ
โดยบรรดาลูกๆ ของพนักงานบริษัทนิสสันในบราซิล เนื่องในโอกาสวันเด็กของประเทศบราซิล
และให้นักออกแบบชั้นนำเป็นผู้ตัดสิน พวกเขาได้เลือกภาพที่สวยถูกใจพวกเขาออกมาทั้งหมด
๔ ภาพ ก่อนจะให้นักวาดภาพมืออาชีพจัดการต่อยอดมันให้ดูเป็นภาพสเก็ตของรถต้นแบบที่สามารถนำไปใช้งานได้จริงเลยทีเดียว
นายโรเบิร์ต บาวเออร์ หัวหน้านักออกแบบ นิสสันในสหรัฐอเมริกาและริโอ
เผยว่า พวกเขาเองก็มีความสุขที่ได้ร่วมงานกับเด็ก ๆ เหล่านั้น
เพราะนอกจากจะได้เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงออกอย่างมีความสุขแล้ว
พวกเขายังเรียนรู้จากบรรดาเด็ก ๆ ที่มีจินตนาการกว้างไกลเกินกว่าผู้ใหญ่จะทำได้ด้วย
แม้รถยนต์ทั้ง ๔ รุ่น จะไม่ถูกนำมาผลิตในตอนนี้
แต่นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นให้เด็กๆ
เหล่านี้เกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาและเป็นผู้ลงมือสร้างมันขึ้นมาเองในอนาคตก็เป็นได้
จินตนาการของเด็กๆ บางครั้งก็ดูเรียบง่ายไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับผู้ใหญ่
เพราะเคยมีประสบการณ์ชีวิตมามาก แต่สำหรับเด็กๆ แล้ว มันคือสิ่งแปลกใหม่
เป็นความท้าทายที่แสนจะตื่นเต้นสำหรับพวกเขา
การมีโอกาสได้ปีนขึ้นไปบนกิ่งไม้ที่สูงจากพื้นดินเพียงไม่กี่ฟุต
การปั้นแป้งโดล(สมัยนี้ไม่มีใครปั้นดินน้ำมันกันแล้ว) เป็นรูปสุนัขที่ดูยังไงก็ไม่เหมือนสุนัข
การได้จุ่มตัวเองลงไปในน้ำลึกแค่เข่าแล้วก็กรี๊ดกร๊าดถึงจระเข้หรือฉลาม
ทั้งหมดนี้ล้วนพรั่งพรูออกมาจากจินตนาของพวกเขาทั้งนั้น
การสัมผัสต่างๆไม่ว่าจะทางตา หู จมูก ลิ้น สัมผัส
ล้วนถูกเก็บรวมมาต่อยอดจินตนาการได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ผู้เขียนเองจึงมักจะพาลูกๆซึ่งยังเล็กอยู่(๖และ๔ขวบ) เดินทางไปในที่แปลกหูแปลกตากว่าที่พวกเขาเคยพบเจอ
ไม่ต้องไกลอะไรมากมายให้สิ้นเปลือง บางครั้งแค่พาไปขับรถดูทุ่งนา พาไปวัด
ไปสถานเลี้ยงเด็ก พิพิธภัณฑ์ เยี่ยมญาติๆในต่างจังหวัด
ให้เขาได้พบเห็นได้ทำกิจกรรมที่หลากหลาย
เพราะเชื่อว่าสิ่งต่างๆเหล่านั้นจะเข้าไปเพิ่มเติมข้อมูลในสมองของเขา
และเมื่อมันผ่านกระบวนการอะไรบางอย่าง ผลของมันน่าจะตื่นเต้นน่าสนใจไม่น้อย วิธีที่ผู้เขียนและผบ.ทบ.(ภรรยา)ใช้อยู่เสมอคือ
ลองให้พวกเขาแต่งนิทานอะไรก็ได้ให้ฟังสักเรื่อง นิทานเหล่านั้นแน่นอนเลยว่าจะไม่เคยเหมือนหรือซ้ำกับใครมาก่อน
อาจจะมีโครงเรื่องหรือตัวละครชื่อซ้ำหรือคล้ายบ้าง แต่รายละเอียดของเรื่องจะแตกต่างออกไป
เด็กๆจะแต่งต่อเติมด้วยสิ่งต่างๆที่เขาได้ไปเจอไปเห็นมา
โดยเฉพาะสิ่งที่เขาให้ความสนใจอย่างมาก
สิ่งต่างๆเหล่านั้นจะถูกดัดแปลงปะปนอยู่ในนิทานที่แสนสนุกเสียเหลือเกินเรื่องนั้น
และมันจะยิ่งเพิ่มความสนุกเข้าไปอีกด้วยคำถาม
ที่ถูกป้อนให้เขาบอกรายละเอียดต่างๆมากขึ้นมากขึ้น
ไม่ใช่แต่นิทานสำหรับเด็ก
นิทานแบบเด็กๆนำเสนอแนวคิดแบบเด็กๆ แต่เต็มไปด้วยความสลับซับซ้อน ที่ถ่ายทอดแบบง่ายๆอย่างนิยายยอดนิยมเรื่อง
“เจ้าชายน้อย” หรือ Le Petit Prince เป็นนวนิยายที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของอ็องตวน เดอ แซ็งแตกซูว์เปรี นักเขียนชาวฝรั่งเศส ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ.
๑๙๔๓ เจ้าชายน้อยถือได้ว่าเป็นหนังสือขายดีติดอันดับโลก
และเป็นหนังสือที่ช่วยกระตุ้นสร้างจินตนาการให้กับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่เป็นที่รู้จักและนิยมอ่านกันทั่วโลก
เนื้อเรื่องเล่าถึงการเดินทางของเจ้าชายตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่เรียนรู้หลายๆ
สิ่งเกี่ยวกับชีวิตจากการเดินทาง ไปพบคนประเภทต่างๆ ตั้งแต่พระราชา คนขี้เมา
นักธุรกิจ คนจุดโคมตามถนน ฯลฯ แต่ละคนหมกมุ่นกับงานหรือความคิดของตนเพื่อหนีสภาพความเป็นจริงซึ่งตนไม่ยอมรับทั้งๆ
ที่ยังไม่รู้ชัดว่าสิ่งที่แต่ละคนต้องการอย่างแท้จริงคืออะไร แต่เมื่อเจ้าชายน้อยมาพบสุนัขจิ้งจอกในทะเลทราย
เขาจึงได้ตระหนักว่า ความจริงของชีวิตนั้นคือชีวิตต้องการความรัก
ความรักที่สามารถจะแจกจ่ายให้ใครก็ได้อย่างไม่จำกัด ทั้งผู้รับและผู้ให้
นอกจากนิทานแล้ว การวาดรูปก็เป็นอีกความสนุกและน่าตื่นเต้นของเด็กๆ
จินตนาการที่ถูกนำเสนอในรูปวาด มักจะเหนือจริง และหลายครั้งที่ผู้ใหญ่นำเอามาใช้ประโยชน์
ทั้งในแง่ของความสุขจากการชม และการต่อยอดความคิดของเด็กๆมาเป็นผลิตภัณฑ์ หรือสิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน
ดังตัวอย่างของบริษัทรถยนต์นิสสันที่กล่าวถึง
ภาพยนตร์หนังสือหลายเรื่องก็มาจากจินตนาการของเด็ก
ที่มาตกผลึกเป็นรูปธรรมในตอนโตเป็นผู้ใหญ่
จินตนาการของเด็กๆอาจถูกมองได้ว่าไร้สาระ
ถ้าเราใช้วิธีคิดแบบผู้ใหญ่ แบบใช้เหตุผล แต่มันจะเป็นสิ่งที่น่าทึ่ง
น่าตื่นเต้นและน่าประหลาดใจอย่างมาก เมื่อเรารับรู้ สัมผัส
หรือเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยใจที่ว่างเปล่า แม้ในวัยผู้ใหญ่
การย้อนตัวเองกลับไปคิดไปทำอะไรแบบเด็กๆ อีกครั้ง สามารถสร้างจินตนาการและความสุขได้เสมอ
เด็กกับจินตนาการไม่ได้มีความสำคัญแค่เสริมสร้างทักษะความคิดให้กับเด็ก
แต่มันส่งผลมาถึงผู้ใหญ่และคนรอบข้าง ที่สามารถจะเปิดใจคิดและรับรู้ได้
ขอเพียงแค่เปิดใจละทิ้งกรอบความคิดที่สั่งสมมาตลอดชีวิต
ความสุขกับจินตนาการในวัยเด็ก ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะสัมผัสถึง
หมายเตุ: บทความนี้เป็นบทความที่เขียนเพื่อนำเสนอในหลักสูตรการบริหารงานอุตสาหกรรม
เอกสารอ้างอิง
กระปุกดอทคอม. (2557). Nissan
เผยภาพรถต้นแบบสุดน่ารักจากจินตนาการของเด็ก ๆ. ค้นเมื่อ 13 มกราคม 2558. จาก http://car.kapook.com/view106961.html
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. (2557). เจ้าชายน้อย. ค้นเมื่อ 14 มกราคม 2558. จาก
http://th.wikipedia.org/wiki/เจ้าชายน้อย