Monday, March 16, 2015

เด็กกับจินตนาการ

เด็กกับจินตนาการ
            โลกปัจจุบันนี้กำลังหมุนด้วยความเร็วที่สูงขึ้นสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่างรอบๆตัวเราเกิดขึ้นตลอดเวลา ทั้งมากและเร็วเสียจนเราไม่รู้ตัวว่ามีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง การเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นอาจเกิดขึ้นโดยบังเอิญ หรืออาจจงใจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น แต่ที่สุดแล้วผมเชื่อว่าส่วนใหญ่ของการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นเกิดขึ้นอย่างตั้งใจ ไม่ว่าจะด้วยแรงจูงใจอะไรก็แล้วแต่ การเปลี่ยนแปลงอย่างจงใจเหล่านั้น จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลยโดยปราศจากการคิดการวางแผนการตระเตรียมไว้ก่อนแล้วล่วงหน้า ซึ่งจุดเริ่มต้นแรกสุดต้องเริ่มที่จินตนาการก่อนเป็นอันดับแรกเสมอ
            คำว่าจินตนาการสำหรับคนในวัยผู้ใหญ่ วัยทำงาน เป็นสิ่งที่ยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน ที่จะคิดจะสร้าง จะหามันออกมาได้ น่าจะเป็นเพราะจินตนาการของผู้ใหญ่ มักมีกรอบความคิดอะไรบางอย่างมาปิดกลั้นไว้เสมอ ข้อจำกัดต่างๆมากมายเกิดขึ้นมาจากประสบการณ์ การผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ ทำอะไรต่ออะไรมามาก มีโอกาสได้ไปรู้ไปเห็นโน่นนี่นั่นมากกมาย หลายครั้งก็เอามาเป็นข้อมูลทางเลือก แต่หลายครั้งมันก็กลายมาเป็นข้อจำกัด ซึ่งแตกต่างจากวิธีคิดของเด็ก
            ตัวอย่างของค่ายรถยนต์รายใหญ่จากญี่ปุ่นอย่างนิสสัน (Nissan) ที่ได้เปิดเผยภาพรถยนต์ต้นแบบรุ่นล่าสุด ที่ดูเหนือจินตนาการแบบสุด ๆ เพราะมันมาจากความคิดและจินตนาการอันสดใสของเด็กๆ ชาวบราซิล บริษัทนิสสันในบราซิลได้จัดประกวดวาดภาพรถยนต์ต้นแบบ โดยบรรดาลูกๆ ของพนักงานบริษัทนิสสันในบราซิล เนื่องในโอกาสวันเด็กของประเทศบราซิล และให้นักออกแบบชั้นนำเป็นผู้ตัดสิน พวกเขาได้เลือกภาพที่สวยถูกใจพวกเขาออกมาทั้งหมด ๔ ภาพ ก่อนจะให้นักวาดภาพมืออาชีพจัดการต่อยอดมันให้ดูเป็นภาพสเก็ตของรถต้นแบบที่สามารถนำไปใช้งานได้จริงเลยทีเดียว นายโรเบิร์ต บาวเออร์ หัวหน้านักออกแบบ นิสสันในสหรัฐอเมริกาและริโอ เผยว่า พวกเขาเองก็มีความสุขที่ได้ร่วมงานกับเด็ก ๆ เหล่านั้น เพราะนอกจากจะได้เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงออกอย่างมีความสุขแล้ว พวกเขายังเรียนรู้จากบรรดาเด็ก ๆ ที่มีจินตนาการกว้างไกลเกินกว่าผู้ใหญ่จะทำได้ด้วย แม้รถยนต์ทั้ง ๔ รุ่น จะไม่ถูกนำมาผลิตในตอนนี้ แต่นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นให้เด็กๆ เหล่านี้เกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาและเป็นผู้ลงมือสร้างมันขึ้นมาเองในอนาคตก็เป็นได้
            จินตนาการของเด็กๆ บางครั้งก็ดูเรียบง่ายไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับผู้ใหญ่ เพราะเคยมีประสบการณ์ชีวิตมามาก แต่สำหรับเด็กๆ แล้ว มันคือสิ่งแปลกใหม่ เป็นความท้าทายที่แสนจะตื่นเต้นสำหรับพวกเขา การมีโอกาสได้ปีนขึ้นไปบนกิ่งไม้ที่สูงจากพื้นดินเพียงไม่กี่ฟุต การปั้นแป้งโดล(สมัยนี้ไม่มีใครปั้นดินน้ำมันกันแล้ว) เป็นรูปสุนัขที่ดูยังไงก็ไม่เหมือนสุนัข การได้จุ่มตัวเองลงไปในน้ำลึกแค่เข่าแล้วก็กรี๊ดกร๊าดถึงจระเข้หรือฉลาม ทั้งหมดนี้ล้วนพรั่งพรูออกมาจากจินตนาของพวกเขาทั้งนั้น การสัมผัสต่างๆไม่ว่าจะทางตา หู จมูก ลิ้น สัมผัส ล้วนถูกเก็บรวมมาต่อยอดจินตนาการได้อย่างไม่น่าเชื่อ
            ผู้เขียนเองจึงมักจะพาลูกๆซึ่งยังเล็กอยู่(๖และ๔ขวบ) เดินทางไปในที่แปลกหูแปลกตากว่าที่พวกเขาเคยพบเจอ ไม่ต้องไกลอะไรมากมายให้สิ้นเปลือง บางครั้งแค่พาไปขับรถดูทุ่งนา พาไปวัด ไปสถานเลี้ยงเด็ก พิพิธภัณฑ์ เยี่ยมญาติๆในต่างจังหวัด ให้เขาได้พบเห็นได้ทำกิจกรรมที่หลากหลาย เพราะเชื่อว่าสิ่งต่างๆเหล่านั้นจะเข้าไปเพิ่มเติมข้อมูลในสมองของเขา และเมื่อมันผ่านกระบวนการอะไรบางอย่าง ผลของมันน่าจะตื่นเต้นน่าสนใจไม่น้อย  วิธีที่ผู้เขียนและผบ.ทบ.(ภรรยา)ใช้อยู่เสมอคือ ลองให้พวกเขาแต่งนิทานอะไรก็ได้ให้ฟังสักเรื่อง นิทานเหล่านั้นแน่นอนเลยว่าจะไม่เคยเหมือนหรือซ้ำกับใครมาก่อน อาจจะมีโครงเรื่องหรือตัวละครชื่อซ้ำหรือคล้ายบ้าง แต่รายละเอียดของเรื่องจะแตกต่างออกไป เด็กๆจะแต่งต่อเติมด้วยสิ่งต่างๆที่เขาได้ไปเจอไปเห็นมา โดยเฉพาะสิ่งที่เขาให้ความสนใจอย่างมาก สิ่งต่างๆเหล่านั้นจะถูกดัดแปลงปะปนอยู่ในนิทานที่แสนสนุกเสียเหลือเกินเรื่องนั้น และมันจะยิ่งเพิ่มความสนุกเข้าไปอีกด้วยคำถาม ที่ถูกป้อนให้เขาบอกรายละเอียดต่างๆมากขึ้นมากขึ้น
            ไม่ใช่แต่นิทานสำหรับเด็ก นิทานแบบเด็กๆนำเสนอแนวคิดแบบเด็กๆ แต่เต็มไปด้วยความสลับซับซ้อน ที่ถ่ายทอดแบบง่ายๆอย่างนิยายยอดนิยมเรื่อง “เจ้าชายน้อย” หรือ  Le Petit Prince เป็นนวนิยายที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของอ็องตวน เดอ แซ็งแตกซูว์เปรี นักเขียนชาวฝรั่งเศส ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. ๑๙๔๓ เจ้าชายน้อยถือได้ว่าเป็นหนังสือขายดีติดอันดับโลก และเป็นหนังสือที่ช่วยกระตุ้นสร้างจินตนาการให้กับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่เป็นที่รู้จักและนิยมอ่านกันทั่วโลก เนื้อเรื่องเล่าถึงการเดินทางของเจ้าชายตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่เรียนรู้หลายๆ สิ่งเกี่ยวกับชีวิตจากการเดินทาง ไปพบคนประเภทต่างๆ ตั้งแต่พระราชา คนขี้เมา นักธุรกิจ คนจุดโคมตามถนน ฯลฯ แต่ละคนหมกมุ่นกับงานหรือความคิดของตนเพื่อหนีสภาพความเป็นจริงซึ่งตนไม่ยอมรับทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ชัดว่าสิ่งที่แต่ละคนต้องการอย่างแท้จริงคืออะไร แต่เมื่อเจ้าชายน้อยมาพบสุนัขจิ้งจอกในทะเลทราย เขาจึงได้ตระหนักว่า ความจริงของชีวิตนั้นคือชีวิตต้องการความรัก ความรักที่สามารถจะแจกจ่ายให้ใครก็ได้อย่างไม่จำกัด ทั้งผู้รับและผู้ให้
            นอกจากนิทานแล้ว การวาดรูปก็เป็นอีกความสนุกและน่าตื่นเต้นของเด็กๆ จินตนาการที่ถูกนำเสนอในรูปวาด มักจะเหนือจริง และหลายครั้งที่ผู้ใหญ่นำเอามาใช้ประโยชน์ ทั้งในแง่ของความสุขจากการชม และการต่อยอดความคิดของเด็กๆมาเป็นผลิตภัณฑ์ หรือสิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ดังตัวอย่างของบริษัทรถยนต์นิสสันที่กล่าวถึง ภาพยนตร์หนังสือหลายเรื่องก็มาจากจินตนาการของเด็ก ที่มาตกผลึกเป็นรูปธรรมในตอนโตเป็นผู้ใหญ่
จินตนาการของเด็กๆอาจถูกมองได้ว่าไร้สาระ ถ้าเราใช้วิธีคิดแบบผู้ใหญ่ แบบใช้เหตุผล แต่มันจะเป็นสิ่งที่น่าทึ่ง น่าตื่นเต้นและน่าประหลาดใจอย่างมาก เมื่อเรารับรู้ สัมผัส หรือเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยใจที่ว่างเปล่า แม้ในวัยผู้ใหญ่ การย้อนตัวเองกลับไปคิดไปทำอะไรแบบเด็กๆ อีกครั้ง สามารถสร้างจินตนาการและความสุขได้เสมอ เด็กกับจินตนาการไม่ได้มีความสำคัญแค่เสริมสร้างทักษะความคิดให้กับเด็ก แต่มันส่งผลมาถึงผู้ใหญ่และคนรอบข้าง ที่สามารถจะเปิดใจคิดและรับรู้ได้ ขอเพียงแค่เปิดใจละทิ้งกรอบความคิดที่สั่งสมมาตลอดชีวิต ความสุขกับจินตนาการในวัยเด็ก ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะสัมผัสถึง


หมายเตุ: บทความนี้เป็นบทความที่เขียนเพื่อนำเสนอในหลักสูตรการบริหารงานอุตสาหกรรม 

เอกสารอ้างอิง
กระปุกดอทคอม. (2557). Nissan เผยภาพรถต้นแบบสุดน่ารักจากจินตนาการของเด็ก ๆ. ค้นเมื่อ 13 มกราคม 2558. จาก http://car.kapook.com/view106961.html

วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. (2557). เจ้าชายน้อย. ค้นเมื่อ 14 มกราคม 2558. จาก http://th.wikipedia.org/wiki/เจ้าชายน้อย

Wednesday, January 21, 2015

กรณีศึกษา SME บริษัท พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด


กว่า 50 ปีของธุรกิจน้ำพริกเผาและเครื่องปรุงแบรนด์ “แม่ประนอม” ที่เริ่มต้นจากห้องครัวของคู่สามีภรรยา คุณศิริชัย และคุณประนอม แดงสุภา ในปี 2502 จากน้ำพริกเผาในขวดแก้วตระเวนขายกันเองละแวกบ้าน เติบโตจนปัจจุบันมีสินค้ามากกว่า 50 ชนิด จำนวนกว่า 100 ขนาด ส่งออกสินค้าไปจำหน่ายหลายประเทศทั่วโลก จึงเป็นองค์กรที่น่าสนใจที่จะนำเสนอเป็นกรณีศึกษาในหัวข้อ SME เป็นอย่างยิ่ง
เปรียบเทียบการเริ่มต้นบุกเบิกธุรกิจกับหลักการของ SWOT
จากวิสัยทัศน์การเริ่มต้นธุรกิจจากสิ่งที่ถนัดและเชี่ยวชาญของผู้บุกเบิกธุรกิจ สามารถนำมาเปรียบเทียบกับ SWOT Analysis ได้ว่า
-จุดแข็ง (Strong) คือตัวสินค้า ด้วยฝีมือการทำอาหารไทยของคุณประนอม และประสบการณ์งานขายของคุณศิริชัยที่เคยทำงานกับบริษัทดีทแฮล์มมาก่อน น้ำพริกเผาทุกขวดปรุงเองโดยคุณประนอม และคุณศิริชัยดูแลการขายเองทั้งหมด
-โอกาส (Opportunity) คือยังไม่มีสินค้าแบบนี้และคู่แข่งในตลาด วิถีชีวิตของผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนไป ผู้คนเริ่มจะออกไปทำงานนอกบ้านมากขึ้น ทำให้มีเวลาทำอาหารเองน้อยลง จึงเริ่มต้นทำอาหารบรรจุถุงหรือขวดที่เก็บไว้รับประทานได้สะดวก ประหยัดเวลา ไม่ต้องมาเสียเวลานาน โดยเฉพาะกลุ่มแม่บ้านที่ประกอบอาหารเอง
-ป้องกันจุดอ่อน (Weak) ของตัวสินค้าซึ่งเป็นอาหารสำเร็จรูป เก็บไม่ได้นาน จึงเริ่มต้นด้วยน้ำพริกเผาที่โดยปกติสามารถเก็บไว้ได้นานอยู่แล้ว และยังบรรจุในขวดแก้ว เพื่อให้ลูกค้าสามารถมั่นใจอายุการเก็บรักษาได้นานมากขึ้น
-เพื่อป้องกันปัจจัยคุกคาม (Threat) จึงเริ่มทำตลาดด้วยการขายเองในละแวกบ้านและย่านใกล้เคียง เพื่อต้องการเข้าถึงผู้ใช้โดยตรงด้วยตัวเอง สามารถรับรู้ความคิดเห็นของลูกค้าได้โดยตรง รวมถึงการผลิตสินค้าเพียงชนิดเดียว เพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก
ด้วยกลยุทธ (Strategy) นำเสนอความแตกต่างของสินค้า (Difference) เป็นน้ำพริกเผาสำเร็จรูป พร้อมรับประทาน ที่มีเอกลักษณ์ทั้งในด้านรสชาติ ความสะอาด อายุเก็บรักษา จึงเกิดเป็น น้ำพริกเผาไทยแม่ประนอมขึ้น
โดยรวมแล้วกลยุทธของสินค้าในยุคเริ่มต้น จะเน้นที่ความแตกต่างของสินค้า (Product Difference) และกลุ่มเป้าหมาย (Niche Market) แม่บ้าน
เติบโตและพัฒนาการ
-ด้านสินค้า: หลังจากได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า จึงเริ่มพัฒนาสินค้าให้หลากหลายมากขึ้นทั้ง กลุ่มเครื่องจิ้ม เครื่องแกงสำเร็จรูป และเครื่องปรุงรสต่างๆ ภายใต้เครื่องหมายการค้าตรา แม่ประนอมและ ครัวสยาม” ปัจจุบันมีสินค้ามากกว่า 50 ชนิด จำนวนกว่า 100 ขนาด และยังคงเดินหน้าคิดค้นสินค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค พัฒนาคุณภาพสินค้าให้ได้คุณภาพมาตรฐานสากล ไม่ว่าจะเป็น GMP, HACCP, Q-Mark, ISO9001:2008 และเครื่องหมายฮาลาล เป็นการคำนึงถึงหลักการของ Product Life Cycle
-ด้านการขายและจัดจำหน่าย: โดยให้ความสำคัญกับ CRM (Customer Relationship Management) เริ่มจัดหน่วยงานรถขายเงินสดนำสินค้าไปขายต่างจังหวัด โดยแบ่งพื้นที่จำหน่ายออกเป็นเขตๆ เริ่มนำสินค้าออกสู่ตลาดต่างประเทศ ให้ความสำคัญกับลูกค้าขายตรงเพราะบริษัทผูกพันกับยี่ปั๊วและโชห่วยมานาน ช่องทางโมเดิร์นเทรดจึงไม่ได้เน้นมากมาย โดยตลาดหลักยังเป็นตลาดต่างจังหวัด 
-ด้านการผลิต: มีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต มีหน่วยงานวิจัยและพัฒนาสินค้า โดยเฉพาะผู้บริโภคในยุคนี้มีความรู้มากขึ้น ดังนั้น การตัดสินใจซื้อสินค้าจะมีการอ่าน วิเคราะห์ว่ามีผลต่อสุขภาพหรือไม่ จึงแจ้งส่วนผสมบนฉลากอย่างชัดเจน สินค้าทุกชนิด ปราศจากสีเจือปน ไม่ใส่ผงชูรส และไม่ใส่วัตถุกันเสีย
-ด้านการตลาด: เนื่องจากความนิยมของผู้บริโภคจะเน้นการจดจำที่ตัวบุคคลหรือเจ้าของสินค้า การสร้างแบรนด์และประชาสัมพันธ์ในช่วงเริ่มต้นจึงใช้การเป็นสปอนเซอร์วงดนตรีลูกทุ่ง ซึ่งจะมีการขึ้นป้ายสินค้าบนโปสเตอร์ เขียนผ้าใบ หรือใบปลิว ต่อมาเริ่มมีโฆษณาผ่านวิทยุกระจายเสียง และทีวี ปัจจุบันยังใช้ช่องทางประชาสัมพันธ์ลงโฆษณาตามนิตยสารและสิ่งพิมพ์ชั้นนำ ซึ่งเจาะกลุ่มแม่บ้าน รวมถึงใช้สื่อในยุคดิจิตอลทั้ง Web Page และ Social Network อย่างต่อเนื่อง
-ด้านการพัฒนาบุคคลากร: มีการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรในบริษัทอย่างต่อเนื่องไปด้วยพร้อมๆ กัน รวมถึงการเตรียมการวางส่งไม่ต่อให้กับทายาทรุ่นที่ 3 ซึ่งจบการศึกษาจากต่างประเทศเข้ามามีบทบาท ซึ่งสอดคล้องกับหลักการของ Organization Development ในปัจจุบัน
เตรียมพร้อมสู่อนาคต
ปัจจุบันมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งผู้ผลิตรายใหญ่และรายย่อยเช่น สินค้าโอท็อป ที่รัฐให้การสนับสนุน ทำให้ต้องพัฒนาสินค้า และองค์กรอย่างต่อเนื่องในทุกด้าน ปัจจุบันในตลาดเครื่องแกงและเครื่องจิ้ม มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ ส่วนแบ่งยอดขายมากที่สุดคือ น้ำพริกเผา และน้ำจิ้มไก่ ซึ่งมียอดขายต่อเดือนประมาณ 1 แสนกล่อง หรือ เป็นเงินประมาณ 18-20 ล้านบาทต่อเดือน วางเป้าหมายการเติบโตไว้อย่างต่อเนื่องปีละ 20 เปอร์เซ็นต์ และตั้งเป้าต้องการให้มีสินค้าของแม่ประนอมวางขายทุกหมู่บ้านภายในปี 2557
ตั้งเป้าขยายตลาดในต่างประเทศเพิ่มขึ้น เนื่องจากแนวโน้มอาหารไทยในต่างประเทศอยู่ในกระแสนิยมและการเติบโตของตลาดในต่างประเทศค่อนข้างสูง ทำให้โอกาสการเติบโตของสินค้าในต่างประเทศยังมีทางโตได้อีกไกล ปัจจุบันส่วนแบ่งยอดขายสินค้าส่งออกไปตลาดต่างประเทศ 30 เปอร์เซ็นต์ และตั้งเป้าเติบโตเพิ่มเป็น 40 เปอร์เซ็นต์
สินค้าทุกชนิดก่อนออกสู่ตลาด ผู้บริหารจะได้ชิมได้ทดลองรับประทานก่อน สินค้าทั้งที่ส่งออกและจำหน่ายในประเทศให้ยังคงรสชาติเดียวกัน ไม่ปรับเปลี่ยนไปตามความต้องการของต่างชาติ เพื่อรักษาเอกลักษณ์ของอาหารไทยต้นตำรับ การขยายตลาดจะใช้การออกงานแสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศ เน้นการสาธิตสินค้าเพื่อให้ผู้บริโภคได้รู้จักและสัมผัสรสชาติอาหาร เน้นที่มาตรฐานความปลอดภัยของสินค้าเป็นหลัก
มีการเตรียมพร้อมรับมือการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC (ASEAN Economic Community)  ซึ่งสินค้าของแม่ประนอมเป็นรู้จักในตลาดอาเซียน เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ อยู่แล้ว จุดแข็งที่ได้เปรียบคือการรักษาแบรนด์ที่มีชื่อเสียง การดูแลคุณภาพสินค้า จำหน่ายสินค้าในราคายุติธรรม รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า การจัดการส่งเสริมการขาย ชี้ให้ผู้บริโภคเห็นถึงความแตกต่างระหว่างสินค้าของแม่ประนอมและคู่แข่งต่างประเทศที่จะเข้ามาแข่งขันว่าคุณประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับจากราคาที่แตกต่างกันคืออะไร เพราะความปลอดภัยและการดูแลสุขภาพเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคยุคนี้ให้ความสำคัญ 
บทสรุปและข้อสังเกต
            ตลอดช่วงเวลาของน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน SME รายนี้มีการบริหารงานอย่างเป็นระบบมาตลอดเวลาและต่อเนื่อง ตั้งแต่การวางตัวสินค้า การวางแผนด้านการตลาด และการจัดจำหน่าย มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเหมาะสมกับองค์กรมาปรับใช้ มีการวางแผนและพัฒนาบุคลากร ซึ่งสอดคล้องกับการบริหารและจัดการองค์กรสมัยใหม่ จึงทำให้บริษัทเติบโตได้อย่างมั่นคงมากว่า 50 ปี

หมายเหตุ: บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาการจัดการ

อ้างอิง

Tuesday, August 19, 2014

บทเริ่มต้นที่ 0 ทำไม?

        ครั้งแรกของการมี blog เพื่อบันทึกเรื่องราว
ตั้งใจว่าจะไม่จำกัด ไม่มีกรอบ อยากโพสอะไรก็จะโพส
สิ่งที่ต่างจาก FaceBook คงเป็นความยาว และเนื้อหาของเรื่องที่ตั้งใจจะเขียน จะบันทึกไว้ในนี้
การกลับเข้าห้องเรียนอีกครั้ง ทำให้เกิดความคิดว่าจะทำบันทึกนี้ขึ้นมา
เพราะการกลับเข้าห้องเรียน ในวัยนี้ ประสบการณ์ชีวิตในตอนนี้
นับแต่นี้คงมีเรื่องตื่นเต้น แปลกใหม่ที่น่าจดจำผ่านเข้ามาอีกเยอะ
ทั้งจากห้องเรียน จากงานที่ทำ จากครอบครัว จากอนาคตที่พยายามจะจัดวาง
แค่คิดก็สนุกแล้ว
ต้นเมเปิลเล็กจิ๋ว โผล่ขึ้นมาตรงขอบลานวัด บนพื้นกรวดที่ไม่มีแม้หญ้าสักต้น ยากมากที่จะอยู่รอด
ถ่ายที่เกาหลี